วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

SAMSUNG L730


เรื่องราวที่จะนำเสนออีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับ SAMSUNG L730 ซึ่งเป็นกล้องดิจิทอลที่บางแล้วก็สวยด้วยคะ สามารถถ่ายภาพได้คมชัดความละเอียดถึง 7.2 ล้านพิกเซล ซูมได้ถึง 3เท่า ขนาดหน้าจอ LCD 2.5 นิ้ว มีระบบป้องกันการสั่นสะเทือน ดิฉันจึงได้ภาพสวย ๆ ทุกครั้งที่ใช้กล้องตัวนี้ค่ะ




SAMSUNG L730 เป็นกล้องดิจิทอลพกพาขนาดเล็ก บาง และมีน้ำหนักเบา พกพาได้สะดวกค่ะ ใช้งานก็ง่าย สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก หรือเป็นมือใหม่หัดใช้กล้อง ไม่ว่าใครก็สามารถใช้งานเจ้ากล้องตัวนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ




ลูกเล่นในตัวเครื่องก็มีโหมดการใช้งานต่าง ๆ ให้คุณได้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดแต่งภาพ แก้ไขภาพ หรือการบันทึกภาพแบบVDO ก็สามารถทำได้ และยังได้ทั้งภาพและเสียงที่คมชัดอีกด้วย นับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและรองรับและตอบสนองความต้องการของผู้ที่รักการถ่ายภาพได้เป็นอย่าดีค่ะ สำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพก็อย่าพลาดเจ้ากล้องตัวนี้นะคะ รับรองว่าคุณจะได้ภาพสวยไม่แพ้ใครเลยล่ะคะ


วันใหม่

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

ความสำคัญของอินเตอร์เน็ต


ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจกับคำว่าอินเตอร์เน็ตก่อน “อินเตอร์เน็ต” มาจากคำว่า International Network เป็นเครือข่ายของการสื่อสารข้อมูลขนาดใหญ่ อันประกอบด้วยเครือข่ายคอมพิวเตอร์จำนวนมาก เชื่อมโยงแหล่งข้อมูลจากองค์กรต่างๆ ทั่วโลกเข้าด้วยกันนั่นเองค่ะ ส่วนคำว่า “เครือข่าย” หมายถึง
1. การที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เชื่อมต่อเข้าด้วยกันด้วยสายเคเบิล (ทางตรง) และหรือสายโทรศัพท์ (ทางอ้อม)
2. มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์
3. มีการถ่ายเทข้อมูลระหว่างกัน
การสื่อสารในยุคปัจจุบันที่กล่าวขานกันว่าเป็นยุคไร้พรมแดนนั้น การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากๆ ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาของทุกหน่วยงาน และอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวได้ จึงเป็นความจำเป็นที่ทุกคนต้องให้ความสนใจและปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่นี้ เพื่อจะได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวอย่างเต็มที่
อินเตอร์เน็ต ถือเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สากลที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ภายใต้มาตรฐานการสื่อสารเดียวกัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารและสืบค้นสารสนเทศจากเครือข่ายต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้น อินเตอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งรวมสารสนเทศจากทุกมุมโลก ทุกสาขาวิชา ทุกด้าน ทั้งบันเทิงและวิชาการ ตลอดจนการประกอบธุรกิจต่างๆ
เหตุผลสำคัญที่ทำให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมแพร่หลายคือ
1. การสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต ไม่จำกัดระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่ต่างระบบปฏิบัติการกันก็สามารถติดต่อสื่อสารกันได้
2. อินเตอร์เน็ตไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง ไม่ว่าจะอยู่ภายในอาคารเดียวกันห่างกันคนละทวีป ข้อมูลก็สามารถส่งผ่านถึงกันได้
3. อินเตอร์เน็ตไม่จำกัดรูปแบบของข้อมูล ซึ่งมีได้ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความอย่างเดียว หรืออาจมีภาพประกอบ รวมไปถึงข้อมูลชนิดมัลติมีเดีย คือมีทั้งภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงประกอบด้วยได้
คำอื่นที่ใช้ในความหมายเดียวกับอินเตอร์เน็ต คือ Information Superhighway และ Cyberspace
การกำเนิดของอินเทอร์เน็ตทำให้การสื่อสารในยุคปัจจุบันเป็นการสื่อสารไร้พรมแดน(Globalization) สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากๆ(reach) ได้ในเวลาอันรวดเร็ว และใช้ต้นทุนในการลงทุนต่ำ ในปัจจุบันถือว่าอินเทอร์เน็ตเป็น “สื่อใหม่”(new media) ที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชนที่เป็น

“สื่อดั้งเดิม” (traditional media) ยกตัวอย่างเช่นหนังสือพิมพ์ที่เคยให้บริการในรูปแบบของกระดาษ ปัจจุบันต้องยกเนื้อหาของตนเองขึ้นบน cyber space เป็นสื่อออนไลน์ (online media)
นอกจากจะให้บริการข้อมูลในรูปแบบของตัวหนังสือและภาพแล้ว ปัจจุบันหนังสือพิมพ์ออนไลน์หลายฉบับยังให้บริการในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว (video clip) และข้อมูลที่ผู้ใช้สามารถสืบค้นย้อนหลังได้อีกด้วย
ทางด้านสื่อวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ ที่จัดว่าเป็นสื่อประเภท Broadcast ก็ได้กระโดดเข้าสู่การเป็นสื่อออนไลน์ โดยผู้เข้าชมสามารถชมและฟังรายการได้แบบสดๆ (เรียกว่า Real Time) และมีการจัดการให้บริการข้อมูลที่ผู้เข้าชมสามารถรับฟังและชมได้แบบย้อนหลังโดยมีการจัดเนื้อหาไว้อย่างเป็นหมวดหมู่ เช่น ข่าว สาระความรู้ บันเทิง โทรทัศน์หลายช่องจัดการให้บริการแบบ “ตามสั่ง” (On demand) ที่ผู้ใช้บริการสามารถเลือกชมรายการที่ตนเองต้องการได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องรอชมตามตารางออกอากาศอีกต่อไป เช่นการให้บริการของช่องเคเบิลทีวีที่ผู้ใช้บริการสามารถเลือกชมภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ได้ตามใจชอบ หรือชมการแข่งขับฟุตบอลย้อนหลังได้
นอกจากจะมีการให้บริการแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย สื่อมวลชนหลายแขนงได้เริ่มจำหน่ายเนื้อหาโดยให้ผู้ใช้บริการสามารถ download เน้อหาได้ในรูปแบบของ digital download ทั้งหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์และเพลง




อ้างอิงจากสมุดบันทึกวิชาการการสื่อสารมวลชนเบื้องต้น 1/2551
วันใหม่

N-Gage


ถ้ากล่าวถึงโทรศัพท์มือถือที่เล่นเกมได้สมจริง ก็คงต้องนึกถึง N-Gage ของ Nokia บทความนี้จึงเป็นบทความที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ N-Gage ให้ได้รับทราบกันค่ะ
นับตั้งแต่ปี 2546 ที่ Nokia ได้เปิดตัว Mobile Game ตัวแรกอย่าง Nokia N-Gage QD

ในปีพ.ศ.2547 ความคืบหน้าและพัฒนาการของ N-Gage Series ก็ดูเหมือนจะจางหายไปกับความเป็นตำนาน ถึงแม้ว่าในตอนที่เปิดตัว N-Gage รุ่นแรกจะได้รับความสนใจไม่ใช่น้อย และความสมบูรณ์แบบของ N-Gage รุ่นนั้นก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว สวยงาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความทนทาน การใช้งานที่หลากหลาย และระบบปฏิบัติการที่นำมาใช้ ถือว่า N-Gage เป็น Mobile Game ที่สมบูรณ์มากเลยทีเดียว แต่กระนั้นถึงแม้ว่าจะได้รับความร่วมมือจากค่ายเกมชั้นนำยกขบวนเกมดี ๆ ดัง ๆ มาลงในเครื่อง ก็ไม่สามารถทำให้ N-Gage ออกลูกออกหลานเป็นรุ่นต่อ ๆ ไปได้
กล่าวถึง N-Gage มันเป็นบริการเกมบนมือถือสำหรับ Nokia N Series และ Nokia รุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ S60 3rd Edition บริการ N-Gage ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการค้นหา ทดลองเล่นเกม ซื้อเกม และจัดการไฟล์เกมต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งเชื่อมโยงคนเล่นเกมทั่วโลกด้วย N-Gage Arena ชุมชนคนรักเกมเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแข่งขันเล่นการเล่นเกมต่าง ๆ Nokia ร่วมมือกับผู้พัฒนาค่ายเกมต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นเกมที่หลากหลาย
สำหรับผู้ที่รักการเล่นเกมคงจะไม่พลาดกับมือถือ Nokia N Series นะคะเพราะเขาได้นำ N-Gage Application ใส่ลงไปในระบบปฏิบัติการมือถือ ซึ่งทำให้สามารถเล่นเกม 3D ในมือถือของคุณได้

แต่อย่าลืมนะคะว่าต้องเป็น Nokia N Series เท่านั้น


วันใหม่

วิทยุโทรทัศน์

บทความบทนี้จะเป็นบทความที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อที่เผยแพร่ข้อมูล
ข่าวสารให้พวกเราได้รับทราบกัน แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบถึงเรื่องราวความเป็นมาของวัตถุชนิดนี้
ดิฉันจึงได้นำเรื่องราวของวิทยุโทรทัศน์มาเล่าให้คุณ ๆ ได้รับทราบกันค่ะว่าวัตถุชนิดนี้นั่นมีความเป็นมาอย่างไร และสถานีโทรทัศน์บ้านเรานั้นมีความเป็นมาอย่างไร
คำว่าวิทยุโทรทัศน์นั้นเป็นคำเรียกอย่างเป็นทางการของโทรทัศน์ค่ะ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะเรียกมันว่าโทรทัศน์มากกว่าที่จะเรียกว่าวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งคำว่าโทรทัศน์นี้แปลมาจากคำว่าโทรทรรศน์ที่แปลว่ากล้องส่องทางไกล (telescope) อีกทีหนึ่งค่ะ จากคำนิยามในภาษาอังกฤษในคำว่า TELEVISION ก็สามารถแปลออกมาได้ดังนี้นะคะ
Tele = ไกล/โทร
Vision = ภาพ
Television = โทรภาพ
ในสมัยศตวรรษที่ 19 PauL Nipkow ชาวเยอรมันได้ค้นพบวิธีที่ทำให้ภาพเป็นเส้นบนจอได้ ต่อมา John Logic Baid ก็ได้นำเอาแนวคิดของ Nipkow มาสานต่อจนสามารถทำให้เกิดภาพบนจอได้เป็นครั้งแรก จากนั้นก็มีบรรษัทกระจายเสียงแห่งประเทศอังกฤษนำสิ่งประดิษฐ์ของ Baid ไปทดลองออกอากาศจากพระราชวังอเล็กซานดร้า ลอนดอนเมื่อวันที่ 2พฤศจิกายน 1936 แล้วก็ประสบผลสำเร็จ ก่อให้เกิดสถานีโทรทัศน์แห่งแรกของโลก นั่นก็คือ BBC นั่นเองค่ะ ต่อมาก็ได้กำเนิดสถานีโทรทัศน์ขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา เมื่อ 1937 ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ 1953 ไทย 1955 กัมพูชาและลาว 1961 มาเลเซียและสิงคโปร์ 1963 เป็นต้น
กล่าวถึงสถานีวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย เมื่อปี 1951 (2493) จอมพล ป. พิบูลสงคราม เห็นสมควรให้จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ขึ้น แต่ก็ต้องถูกสภาคัดค้าน เพราะต้องใช้งบประมาณในการก่อตั้งมาก อีกทั้งประเทศยังยากจนอยู่ แต่แล้วรัฐบาลก็ได้จัดตั้งสถานีขึ้นในปี 1952 (2495)โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน และให้ชื่อว่า บริษัทไทยโทรทัศน์จำกัด โดยมี พล.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เป็นประธานกรรมการ ต่อมาในปี 1955 (2498) รัฐบาลได้จัดตั้งสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม ต่อมาในปี 1965 (2508) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 9
25 มกราคม 2501 ได้จัดตั้งช่อง 7 ขึ้น และเปลี่ยนชื่อเป็นช่อง 5 ในปี 2514
15 เมษายน 2503 กรมประชาสัมพันธ์จัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาคแห่งแรกที่

อ. หาดใหญ่ จ.สงขลา
27 พฤศจิกายน 2510 บริษัทเอกชนได้รับอนุมัติจากกองทัพบกจัดตั้ง ช่อง 7 โทรทัศสีกองทัพบก
4 มีนาคม 2511 บริษัทไทยโทรทัศน์กับบางกอกอินเตอร์เทนเมนท์จัดตั้งช่อง 3 ขึ้นมา
ประเทศไทยเราถือว่าโชคดีนะคะที่ได้ชมรายการทางโทรทัศน์แบบฟรี ๆ เพราะในต่างประเทศเขาต้องเสียค่าชมรายการเหมือน ๆ กับเราดู UBC ประมาณนี้น่ะคะ รายการโทรทัศน์บ้านเขาจึงเป็นรายการที่ค่อนข้างจะมีคุณภาพ เพราะถ้ารายการไม่ดีจริงก็ไม่ได้ขาย ไม่มีใครดู ต่างจากบ้านเรานะคะ รายการโทรทัศน์บ้านเราส่วนใหญ่จะเป็นรายการเพื่อความบันเทิงเสียมากกว่า เลยทำให้คนไทยไม่ค่อยนิยมดูข่าวสาร หรือรายการที่มีสาระมาก ๆ กัน ตอนหลังมานี้ก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการให้ดีมากขึ้นก็ถือว่าเป็นความโชคดีของคนไทยค่ะ บทความหน้าดิฉันจะนำเรื่องราวเกี่ยวกับ HDTV มาเล่าให้ฟังนะคะ



อ้างอิงจากสมุดบันทึกวิชาการสื่อสารมวลชนเบื้องต้น1/2551
วันใหม่

วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

Talking Dictionary รุ่น PDA T888


เดินทางมาถึงบทความสุดท้ายของปูเป้แล้วนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านนะค่ะที่ติดตามอ่านมาตลอด บทความสุดท้ายจะนำเสนอเกี่ยวกับเรื่อง Talking Dictionary รุ่น PDA T888

Talking Dictionary ก็คือ พจนานุกรมอีเล็คทรอนิคส์ เป็นพจนานุกรมแบบพกพาขนาดย่อม ที่ไม่ต้องแบกพจนานุกรมเล่มหนาๆ ไม่ต้องเสียเวลาเปิดเล่มดิกชันนารีเล่มโตๆ หนักๆ พจนานุกรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเรียน นักศึกษา เพราะเป็นตัวช่วยในการหาคำศัพท์ต่างๆได้รวดเร็วขึ้น เร็วกว่าที่เราจะต้องมาเปิดพจนานุกรมที่เป็นเล่มๆ นอกจากนี้ยังได้รวบรวมคำศัพท์ต่างๆเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศัพท์อังกฤษ-ไทย ไทย-อังกฤษ ศัพท์เฉพาะต่างๆ เช่น ศัพท์เทคนิคทางการแพทย์ ศัพท์เทคนิคทางวิศวะ ศัพท์เทคนิคทางรัฐศาสตร์ ศัพท์เทคนิคทางกฎหมาย ฯ สามารถ Download ข้อมูล E-Book จากอินเตอร์เน็ตได้ คุณสมบัติของเครื่องนี้ยังใช้งานแบบสัมผัสได้ด้วยจะมีปากกาที่ใช้ในการจิ้ม นอกจากนี้Talking Dict ช่วยให้เราหาคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็วแล้ว Talking Dict ยังมแอปปลิเคชั่นต่างๆอีกมากมาย เช่น สมุดบันทึก เอาบันทึกข้อมูลต่างๆของเราเพื่อเตือนความจำ มีเครื่องคิดเลข มีนาฬิกาบอกเวลาทั่วโลก ตารางจดงาน มีเกมส์หลายเกมส์ให้เล่นส่วนมากจะเป็นเกมส์ที่ฝึกสมองให้เราคิดไปในตัว นับได้ว่ามีเครื่องtalking dict เครื่องเดียวก็เท่ากับว่าเราพกทั้งนาฬิกา เครื่องคิดเลข เกมส์ไปด้วย

สุดท้ายนี้ขอแนะนำหลักในการเลือกซื้อ Talking Dict ว่าถ้าเราจะซื้อมาใช้ซักตัวนึงเราควรคำนึงถึงหลักอะไรบ้าง
1. หน้าจอแสดงผล ควรเลือกเครื่องที่เราอ่านแล้วสบายตา
2. ความเร็วในการใช้งาน ในรุ่นที่ต่ำๆจะมีความเร็วในการใช้งานที่ค่อนข้างช้า ทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ง่าย
3. การเพิ่มหน่วยความจำ บางรุ่นจะมีหน่วยความจำในตัวเครื่อง 32, 64 ไปจนถึง 512 MB หรือไม่ก็ 1GB และยังเพิ่มการ์ดภายนอกแบบ SD Card / MMC Card ได้อีกด้วย
4. การชาร์จแบตเตอรี่ บางรุ่นใช้ถ่าน AAA ใครใช้งานบ่อย อย่าไปใช้พวกอัลคาไลน์ธรรมดา ซื้อเป็นถ่านแบบชาร์จจะดีกว่า แต่การชาร์จถ่านแบบนี้ อาจจะต้องใช้เวลาชาร์จประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง ตอนนี้หลายๆรุ่นมีการชาร์จผ่านสาย Mini USB มาตรฐานซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก

โทรศัพท์มือถือ nokia 5300


สวัสดีค่ะทุกๆคนมาพบกับบทความที่สองของปูเป้กันต่อนะค่ะ บทความนี้นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์มือถือ Nokia รุ่น5300

มือถือที่ข้าพเจ้าใช้ในปัจุบันนี้คือมือถือ Nokia รุ่น 5300 Xpress Music เป็นมือถือที่ผลิตมาเพื่อใช้ในการฟังเพลง mp3 โดยเฉพาะ มีคุณภาพเสียงที่อยู่ในระดับที่ดี เป็นรูปทรงฝาสไลด์ มาพร้อมปุ่มควบคุมการเล่นด้านข้างหน้าจอ เครื่องเล่นวิทยุ ในระบบ FM เครื่องเล่นวีดีโอในรูปแบบ 3GP เก็บภาพประทับใจ ด้วยกล้องดิจิตอลความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล บันทึกวีดีโอ ภาพเคลื่อนไหว สมุดโทรศัพท์, ปฎิทิน, จดบันทึก, สิ่งที่ต้องทำได้ มีการ์ด MicroSD ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งขยายหน่วยความจำได้ถึง 2 GB นอกจากนี้ยังมีแอปปลิเคชั่น มีเกมส์ มีอุปกรณ์บูลทูธใช้เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ต่างๆ สามารถถ่ายเทข้อมูลจากเครื่องอื่นมายังเครื่องเราได้เพื่อแบ่งปันเพลงและข้อมูลได้อย่างสะดวกง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถส่งข้อความสั้น ข้อความมัลติมีเดีย ข้อความเสียง เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น

โทรศัพท์เครื่องนี้ได้กลายมาเป็นเพื่อนยามเหงาของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าว่างๆหรือว่าไม่มีอะไรทำก็จะหยิบเจ้ามือถือเครื่องนี้ขึ้นมาฟังเพลงเพื่อแก้เหงา โดยเฉพาะเวลาที่ต้องเดินทางไกลๆ เช่นเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดแพร่ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ4 ชั่วโมงก็รู้สึกเบื่อ ก็หยิบเจ้าโทรศัพท์เครื่องนี้ขึ้นมาฟังเพลงบ้าง เล่นเกมส์บ้าง ทำให้ลืมชั่วโมงที่น่าเบื่อไปได้เหมือนกัน นอกจากนี้แล้วข้าพเจ้ายังใช้กล้องถ่ายภาพซึ่งมีความละเอียดถึง 1.3 ล้านพิกเซลในการเก็บภาพความทรงใจต่างๆ ภาพที่ถ่ายออกมาก็มีความละเอียดเทียบเท่ากับกล้องดิจิตอลทั่วไป แต่กล้องดิจิตอลภาพจะคมชัดกว่า ข้าพเจ้ายังใช้โทรศัพท์เครื่องนี้ในการส่งข้อความไปให้กับเพื่อนๆในวันสำคัญๆอีกด้วย เช่น ส่งข้อความไปอวยพรในวันเกิด เจ้ามือถือเครื่องนี้ยังสามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้ ที่เรียกว่า Gprs ซึ่งทำงานได้คล้ายกับอินเตอร์เน็ตทั่วไป สามารถดาวโหลดข้อมูล ภาพ เสียง หรือเกมส์ต่างๆได้ อยู่ที่ไหนก็สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้เพียงแค่หยิบมือถือขึ้นมาก็สามารถเชื่อมต่อกับโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้ชีวิตข้าพเจ้าสะดวกสบายขึ้น
จะเห็นได้ว่าโทรศัพท์มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์มากจนอาจจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ทุกคนไปเลยก็ได้ เพราะว่าใช้ในการติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้แล้วมือถือยังมีแอปปลิเคชั่น มีลูกเล่นต่างๆอีกมากมาย ทีทำให้เราสะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังกลายมาเป็นเพื่อนแก้เหงาของเราได้ด้วย

ขอทิ้งท้ายด้วยประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่ท่านผู้อ่านอาจจะไม่ทราบว่าโทรศัพท์มือถือนี้มีประโยชน์มากกว่าที่พวกเราคิดกัน
1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติแม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้
2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ...สำหรับรถที่ใช้ Remote Key ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขา ให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรองในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กดต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองเลยแหละระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม
3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด *3370# สำหรับมือถือ Nokia ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด * 3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่า เพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป
4. ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป ในกรณีนี้เราต้องใช้ หมายเลข serial number ประจำเครื่อง ซึ่งมี 15- 17 หน่วย การที่จะทราบหมายเลขนี้ก็ไม่ยาก กด * #06# แล้วหมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไว้แล้วเก็บไว้ให้ดี....ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่นให้โทรไปที่ศูนย์แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไปเขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีกเลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยนsim card มันก็จะยังใช้ไม่ได้อยู่ดีได้อย่างเดียวคือไว้เขวี้ยงหัวหมาหรือหลังคาคนอื่น (อาจจะหลอกไปขายต่อได้..ถ้าคนซื้อต่อเขาไม่รู้....)

ทุกท่านที่ได้อ่านแล้วลองนำเอาเคล็ดลับนี้ไปใช้กันดูนะค่ะ คิดว่าคงจะมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านมากพอสมควร

คอมพิวเตอร์โน้ตบุค


สวัสดีค่ะทุกๆท่านที่เข้าชมblogของทางกลุ่มเรานะคะ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อน เริ่มจากชื่อเล่นก่อนละกันนะค่ะ ชื่อปูเป้ นางสาวจงกลนี งามทรง รหัส 4819334 ค่ะ เทคโนโลยีที่จะนำมาเสนอในวันนี้มี 3 อย่างด้วยกันนะคะ เริ่มจาก โน้ตบุค , โทรศัพท์มือถือ nokia 5300 และสุดท้ายคือ เครื่องTalking Dictionary

มาเริ่มจากคอมพิวเตอร์ก่อนเลยนะค่ะ คอมพิวเตอร์คือ เครื่องมือชนิดหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจากอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถอ่านและเก็บบันทึกข้อมูลพร้อมแสดงผลได้ ประมวลและทำงานตามที่เราสั่งการ อีกทั้งยังตอบสนองการกระทำของผู้ใช้ได้และมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิด เพื่อสั่งให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้นทำงานตามต้องการ

คอมพิวเตอร์มีวามสำคัญต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เราจะเห็นว่าตามห้างร้าน บริษัท โรงเรียน หรือหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ใช้คอมพิวเตอร์กันเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพราะคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้มาก ทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำและถูกต้อง เรียกได้ว่ามีคอมพิวเตอร์1 เครื่อง เท่ากับมีคนเพิ่มเป็น 5 เท่าเลยทีเดียว
คอมพิวเตอร์แบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เห็นกันทั่วไป และคอมพิวเตอร์โนตบุคที่มีขนาดเล็กกว่า สามารถพกพาไปใช้งานได้ในสถานที่ต่างๆ ปัจจุบันโน้ตบุคมีราคาถูกลงมากใครๆก็สามารถหาซื้อมาใช้ได้

คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ข้าพเจ้าใช้เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะซึ่งในขณะนั้นคอมพิวเตอร์ยังมีราคาแพงมาก ข้าพเจ้าซื้อมาใช้เพื่อพิมพ์งานเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นก็จะใช้เพื่อความบันเทิง เช่นดูหนัง ฟังเพลง เล่นอินเตอร์เน็ต เล่นเกมส์ คอมพิวเตอร์เครื่องต่อมาที่ซื้อเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุค เพราะว่าเครื่องเก่าเสียแล้ว ที่ซื้อโนต้บุคเพราะว่า สะดวก พกพาไปได้ทุกที่ ส่วนใหญ่ข้าพเจ้าก็ใช้เจ้าเครื่องนี้ในการพิมพ์รายงาน เพราะอาจารย์แต่ละท่านสั่งรายงานเยอะมากกก นอกจากนี้ก็ใช้ในการท่องอินเตอร์เน็ตเพื่อสืบค้นข้อมูลต่างๆ อ่านข่าวสารต่างๆ เช่นอ่านข่าวออนไลน์ ทำให้เรารับรู้ข่าวสารต่างได้รวดเร็ว และเป็นการประหยัดเงินในการที่เราต้องซื้อหนังสือพิมพ์มาอ่าน (งกนั่นเอง) นอกจากนี้ข้าพเจ้ายังใช้อินเตอร์เน็ตในการส่ง E-mail ปัจจุบัน E-mail มีส่วนสำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องส่งจดหมายหรือข้อความอื่นๆให้ผู้อื่นอยู่บ่อยๆโดยเฉพาะข้าพเจ้าที่ต้องส่งข้อมูลในการทำรายงานต่างๆไปให้กับเพื่อนๆในกลุ่ม เพราะการส่ง E-mail ทำได้อย่างรวดเร็ว สะดวก เพียงคลิกเดียวก็ส่งข้อมูลไปให้เพื่อนๆหลายคนได้ แถมยังแนบไฟล์รูปภาพ ไฟล์งานต่างๆเข้าไปได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังใช้ msn ในการสนทนากับเพื่อนๆที่อยู่คนละมหาลัย ทำให้พวกเราติดต่อกันได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นคอมพิวเตอร์นี้มีประโยชน์กับชีวิตข้าพเจ้าอย่างมากทำให้ชีวิตของข้าพเจ้าสะดวกสบายมากขึ้น ช่วยให้ช่วยให้การทำรายงานของข้าพเจ้าสะดวกสบาย เป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยม ช่วยในการค้นคว้าหาความรู้เป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ช่วยรับ – ส่งข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด เช่น เล่น เกม ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง ทำให้ชีวิตทันสมัย / ทันเหตุการณ์ / ทันข้อมูลข่าวสาร / ทันโลก ช่วยให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก

ขอทิ้งท้ายด้วยเคล็ดลับเล็กน้อยๆในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย เริ่มกันเลยนะคะ

ในขณะที่เรากำลังดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆอยู่ แล้วเกิดอินเตอร์เน็ตหลุดขึ้นมา หรือ Disconnect ทำให้การดาวโหลดนั้นไม่สำเร็จ ขอแนะนำโปรแกรมที่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือโปรแกรม Internet Download Manager ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่
http://www.internetdownloadmanager.com/ ได้เลยนะคะ ลองหามาใช้ดูกันนะคะจะช่วยให้การดาวน์โหลดครั้งต่อไปง่ายขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

SONY MP4

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน วันนี้ดิฉันมีเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีส่วนตัวที่ดิฉันใช้อยู่ทุกวันมาเล่าสู่กันฟังค่ะ นั่นก็คือเรื่องราวของ SONY MP4 ตัวโปรดที่มีความจุถึง 2 G จริง ๆ แล้วความจุประมาณนี้มันก็ไม่ได้มากหรือน้อยเกินไปนะ กำลังพอดี แต่เดี๋ยวนี้เค้ามีความจุถึง 16 G ได้มั้งถ้าจำไม่ผิด เยอะมาก คาดว่าอนาคตคงจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกอย่างแน่นอน เพราะว่าเทคโนโลยีย่อมมีการพัฒนาไปสู่ขั้นที่ก้าวหน้ากว่ายิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ อนาคตอาจจะมีอุปกรณ์อะไรสักอย่างเพียงชิ้นเดียวที่สามารถอำนวยความสะดวกหรือสนองความต้องการของมนุษย์เราได้อย่างครบถ้วนก็เป็นได้

พูดถึง MP4 ตัวนี้นะคะ ดิฉันซื้อมาตอนงาน IT and computer ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ราคาก็ไม่แพงเท่าไหร่ค่ะ ฟังชั่นในตัวเครื่องก็มีลูกเล่นมากมายที่ทำให้เราไม่เบื่อเลยล่ะคะ ทั้งดูหนัง ฟังเพลง วิทยุ บันทึกเสียง เก็บไฟล์ต่าง ๆ เช่น รูปภาพ ข้อมูลต่าง ๆ เกมส์ ฯลฯ ตอนที่ซื้อมาใหม่ ๆ ก็มีแต่เพลงกับหนังการ์ตูนที่ตัวเองชอบก็บรรทึกไว้ในเครื่องเอาไว้ดูก่อนนอน ก็มีความสุขไปอีกแบบค่ะ ส่วนเรื่องของแบตเตอร์รี่ ก็ใช้ได้นานถึ ง 2-3 ชั่วโมง (อย่างต่อเนื่องนะคะ) ดีทีเดียว อย่างเวลาเดินทางไปไหนไกล ๆ เบื่อ ๆ ก็หยิบเจ้าเทคโนโลยีตัวนี้ขึ้นมาใช้ประโยชน์แก้เบื่อได้เป็นอย่างดีเลยล่ะคะ

ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีเทคโนโลยีตัวเก่งของคุณก็สามารถนำมาแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
สำหรับบทความสั้น ๆ ที่นำมาเสนอในวันนี้ก็คงจะมีเพียงเท่านี้ล่ะค่ะ แต่ขอรับประกันเลยนะคะว่าเจ้า SONY MP4 ของดิฉันตัวนี้เก่งจริง ๆ

วันใหม่

หุ่นสวยด้วยฟิตเนส


สวัสดีค่ะเพื่อนๆคน ก่อนอื่นก็ต้องขอแนะนำตัวก่อนนะค่ะ
ชื่อ ป.เปียร์ (นันทวรรณ ฉันทกุล รหัสนักศึกษา 4819335) ค่ะ!

ป.เปียร์เชื่อว่าคนเราทุกคนต่างก็อยากมีสุขภาพที่ดี เพื่อที่จะได้ช่วยให้เรามีบุคลิกภาพที่ดีจริงมั๊ยค่ะ! โดยเฉพาะสาวๆทุกคนมักจะอยากดูดีทั้งในสายตาของคนอื่นรวมตัวเราเองด้วย จึงต้องพยายามดูแลสุขภาพให้ดีอยู่ตลอดเวลา และ ป.เปียร์ก็เป็นคนหนึ่งที่เห็นว่าสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าสุขภาพไม่ดีแล้วก็จะส่งผลให้เรื่องอื่นๆของเราเสียไปด้วย

วิธีดูแลสุขภาพของ ป.เปียร์ เหรอค่ะ..ง่ายๆเลยค่ะ! ก็คือการออกกำลังกายนั่นเอง ด้วยอาชีพและหน้าที่ของ ป.เปียร์ที่ต้องเดินแบบ(หล่อปูน)ไปด้วย และต้องเรียนไปด้วยเนี่ย..ทำให้ ป.เปียร์ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ แต่ด้วยงานเดินแบบที่รัดตัวทำให้ป.เปียร์ไม่ค่อยจะมีเวลาเท่าไหร่อีกอย่างคุณพ่อก็ไม่อยากให้ขับรถเบนซ์ไปไหนไกลเพราะยังขับไม่คล่อง(ไปเช่ารถเค้ามา!) ทำให้ป.เปียร์ไม่สามารถออกไปออกกำลังกายตามสถานที่ไกล ดังนั้น ป.เปียร์เลือกที่จะเข้าสถานบริการฟิตเนสที่โรงยิม มช. นี่แหละค่ะ! ทั้งใกล้และสะดวกอีกทั้งประหยัดน้ำมันด้วยค่ะ ที่นี่นะค่ะเค้ามีอุปกรณ์ฟิตเนสหลากหลายให้เราเลือกเล่นตามใจชอบ ที่ใช้ง่ายที่สุดก็คงจะเป็นดัมเบล..ที่เพียงแค่ยกและบริหารแขนตามความต้องการ โดยทั่วไปแล้วเราอาจเข้าใจว่าดัมเบลเป็นอุปกรณ์ที่เสริมกล้ามและอาจไม่เหมาะกับผู้หญิง แต่ถ้าออกกำลังกายด้วยการไม่ยกน้ำหนักมากเกินไป แต่เพิ่มจำนวนครั้ง ในการยกน้ำหนักได้มากขึ้น กล้ามเนื้อจะดูกระชับได้สัดได้ส่วนแบบง่ายๆค่ะ หรืออาจจะเป็นหลู่วิ่งไฟฟ้า จักรยานมินิไฟฟ้า โฮมยิม และซิตอัฟ แต่จะเสียอยู่อย่างเดียวตรงที่ความอาวุโสของเครื่องเล่นพวกนี้ ทำให้ใช้แรงได้ไม่ถึงใจ บางชิ้นนาฬิกาจับเวลาก็พัง โอ๊ย!เสียอารมณ์จริงๆ ทำให้อดคิดถึงเครื่องเล่นฟิตเนสที่บ้านไม่ได้ ที่คุณแม่กำลังเห่ออยู่ตอนนี้ก็คือ เครซี่-ฟิตเนต ที่เป็นเครื่องออกกำลังกายที่ใช้เทคนิคจากยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้ยินคุณแม่บอกว่า ระบบการทำงานดีมากใช้เพียงวันละ 5-10 นาที มีผลเทียบเท่ากับการเผาผลาญแคลอรี่เทียบเท่ากับการวิ่งใน 1 ชั่วโมงเชียวนะ และยังคลายกล้ามเนื้อหลังการออกกำลัง นอนหลับง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกระเพาะ ลำไส้ ขับสารพิษ เพียงมีเครื่องนี้เครื่องเดียวก็เหมือนมีโรงฟิตเนสทั้งโรงอยู่กับบ้านเลยล่ะ (ฝันตุ้ย!)


ถ้าเป็นไปได้นะ..ป.เปียร์อยากจะเสนอปัญหานี้ให้ท่านอธิการบดีรับทราบ เพราะเราออกนอกระบบแล้วเงินเยอะแล้วก็ควรจะพัฒนาด้านเทคโนโลยีสุขภาพให้ดีขึ้น และยากจะแนะนำให้ท่านซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า ( Treadmill ) รุ่น T8000 เป็นอย่างแรก ส่วนโครงสร้างการทำงานหรือค่ะ โครงสร้างหลักเนี่ย..ทำจากเหล็กแข็งแรงทนทาน โปรแกรม 1. Manual 2. Interval 3. Weight Loss 4. Fat Burn 5. 5K run 6. Target HR มีระบบแสดงผลแบบหน้าจอ Blue Backlit LCD Display มีระบบวัดการเต้นของหัวใจ มีระบบสัมผัสด้วยมือและระบบไร้สาย มอเตอร์ 3.2 แรงม้า DC Motor ใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ความเร็ว สามารถปรับความเร็วตั้งแต่ 0.8-20 กม/ชม และมีปุ่ม Program Quick Key สามารถปรับความเร็ว ที่ต้องการได้โดยทันที ความชัน สามารถปรับความชันได้ตั้งแต่ 0-15 % มีแรงผลักขนาด 1300 ปอนด์ สายพานวิ่ง กว้าง 51 ซม. ยาว 153 ซม. ทอหนา 2 ชั้น แบบ 2-ply Commercial belt กระดานรองวิ่ง ระบบ Hard –Wax Reversible deck สามารถใช้งานได้ทั้งสองด้าน หนา 1 นิ้ว ลูกกลิ้ง ขนาด 7.6 ซม. Precision –Crowned Steel ระบบกันกระแทก มีระบบรองรับกันกระแทกแบบ Variable Durometer Cushioning System ป้องกันการบาดเจ็บ ขณะออกกำลังกาย การรับน้ำหนัก สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 182 กก. น้ำหนักเครื่อง 165 กก.ขนาดเครื่อง กว้าง 87 ซม. ยาว 216 ซม. สูง 139 ซม. ส่วนราคาก็ประมาณสองหมื่นกว่าๆค่ะ แต่เมื่อมองประสิทธิภาพการใช้งานก็น่าสนค่ะ!วิธีสั่งซื้อก็ง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่.....http://www.thaiexercise.com/index.php?lay=show&ac=article&Ntype=3&Id=538654693
ก็สามารถสั่งซื้อพร้อมสอบถามรายละเอียดได้แล้วค่ะ!


ป.เปียร์อยากให้มหาวิทยาลัยของเรามีสื่ออุปกรณ์ต่างๆให้ครบครั้น นอกจากอุปกรณ์การเรียนจะต้องทันสมัยแล้ว ก็ควรมีอุปกรณ์ด้านสุขภาพที่มีประสิทธิภาพในการใช้ในด้วย เพื่อนักศึกษาจะได้แข็งแรง เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีและเป็นกำลังสำคัญในการสรรสร้างความดีให้กับสังคมต่อไปค่ะ..เพื่อนๆว่าจริงมั๊ยค่ะ?








รูปสวยด้วย Nikon Coolpix 5600

<<..สวัสดีค่ะเพื่อนๆ มาพบกับ.. ปอเปียร์.. อีกครั้งแล้วนะจ๊ะ คราวนี้เรามาพูดถึงกล้องดิจิตอลกันเถอะ คิดว่าเรื่องนี้คงถูกอกถูกใจคนบ้ากล้องทั้งหลายนะ.. แหๆๆ..ว่าแต่เพื่อนๆ..ปอเปียร์เองก็บ้ากล้องเหมือนกันค่ะ..ฮิ้วๆ เห็นกล้องเป็นไม่ได้ต้องชูสองนิ้วสู้ตายค่ะ ท่านี้อาจจะล้าสมัยไปแล้ว..แต่ก็ยังทันสมัยอยู่นะ.. อ้าว!งงอ่ะดิ เราเองก็งงเหมือนกันอ่ะ..>>
ไม่ว่าจะไปที่ไหนปอเปียร์ก็อดไม่ได้ที่จะต้องบันทึกภาพความทรงจำดีๆเอาไว้ เพื่อที่คนอื่นจะได้เห็นความทรงจำของเราได้(เอาไว้อวดเขาอ่ะดิ)..แต่ส่วนมากจะถ่ายเฉพาะรูปของตัวเองนี่แหละ(ทีนี้..เห็นความมีน้ำใจของปอเปียร์รึยัง?เห่อๆๆ) การถ่ายภาพเป็นสิ่งทีทำให้ปอเปียร์มีความสุขมาก จึงเกิดความคิดแว้บบบ..เข้ามาในหัวสมองทันทีว่าต้องมีกล้องถ่ายรูปเป็นของตัวเองแล้วหละ..ก็แหม! ใช้กล้องคนอื่นมันไม่จุใจนี่นา ..เพื่อนๆคงคิดเหมือนกันใช่ป่ะ!
หลังจากเที่ยวตระเวนหาซื้อตั้งนาน และก็มาได้กล้องตัวโปรดตัวนี้ ..นั่นคือ..Nikon Coolpix 5600 ค่ะ นอกจากจะมีบอดี้ที่สวยงามและอยู่ในวงเงินที่พอเหมาะแล้ว(แม่ซื้อให้) ยังเหมาะกับการใช้งานของปอเปียร์ด้วยนะคะ
เอาล่ะ..เรามาดูรายละเอียดของกล้องสุดที่รักของปอเปียร์กันดีกว่านะค่ะ
1. ง่ายในการใช้งานและการถ่ายภาพ
2. มีเครื่องหมายการใช้งานที่เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน
3. มีโหมดช่วยบอกความเข้าใจในการใช้งานด้วย
4. จอแอลซีดี 1.8 นิ้ว สว่างสดใส
5. แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
6. มี D-Lighting automatically เพื่อวัตถุที่ถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือมืดมิด
7. มีระบบลดตาแดงในโหมด right portraits
8. มีระบบเตือนกล้องไหว แต่สามารถถ่ายได้ รูปทรงของกล้องออกแบบให้เหมาะมือกับการใช้งาน
9. มีโปรแกรมรูป16 Scene Modes, four featuring Scene Assist
10. มีโหมดใหม่ Underwater Scene mode
11. เมมโมรี่ภายในกล้อง 14MB ใช้, SD card
12.โหมดวีดีโอเลือกได้ 3 แบบ
กล้องตัวนี้ของปอเปียร์ราคาตกอยู่ที่หมื่นสองกว่าๆ แต่ปอเปียร์ว่าคุ้มนะเมื่อเทียบกับการใช้งาน เพราะจริงๆแล้ว..ปอเปียร์ไม่ได้ใช้งานคนเดียวนะ ก็จะใช้ร่วมกันกับน้องชาย ส่วนมากน้องชายเค้ามักจะจำเป็นต้องถ่ายรูปเพื่อใช้ในการเรียนของเขา คือเขาเรียนทางด้านธรณีไงค่ะ จึงจำเป็นต้องถ่ายรูปหิน หรือฟอสซิลต่างๆไว้ศึกษาดูรายละเอียดของชั้นหิน หรือองค์ประกอบของฟอสซิลต่างๆอ่ะนะ ซึ่งกล้องตัวนี้ช่วยเราสองคนได้มากเลยแหละ ไม่เพียงแค่น้องชายที่ได้ใช้ประโยชน์จากกล้องนี้นะ ทั้งพ่อและแม่ก็ต้องพึ่งพา Nikon Coolpix 5600 ของปอเปียร์เหมือนกัน เรียกได้ว่ากล้องตัวนี้เป็นกล้องของครอบครัวเลยแหละ...เพียงแค่กรรมสิทธิ์เป็นของปอเปียร์เท่านั้นเอง เพราะเป็นคนริ่เริ่มอยากจะได้กล้องไงล่ะ..อิอิ
แต่ทั้งนี้การที่จะถ่ายภาพออกมาให้ดูดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับกล้องอย่างเดียวนะ แต่ยังขึ้นอยู่กับฝีมือคนถ่ายด้วยนะจะบอกให้ รวมทั้งต้องมีเทคนิคที่แพรวพราวอ่ะนะ..เพราะหลายครั้งที่เราต้องเสีย self เพราะรูปออกมาอุบาทก์มากกว่าตัวจริงซะอีก ปอเปียร์ก็เคย วันนี้ปอเปียร์เลยสรรหาวิธีถ่ายรูปให้ดูดีมาฝากเพื่อนๆทุกคนด้วยจ้า...! ถือว่าเป็นของแถมก็แล้วกันนะ


1. ต้องเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับสีผิว อย่างคนดำต้องใส่สีครีมจะทำให้เราดูเด่นขึ้น


2. หันด้านดีเข้าหากล้อง พวกสิว ไฝฝ้า หน้ากระเอาหลบกล้องไว้เป็นดี


3. หามุมสวยมุมดูดีของตัวเอง เอาไว้เป็นท่าไม้ตายแล้วเอามาใช้บ่อย


4. คนที่คางไม่สวย เวลาถ่ายรูปก็ทำเป็นเอามือเท้าคางซะก็หมดเรื่อง


5. อย่าเกร็งเวลาเห็นกล้อง จงลืมไปซะว่ามีกล้องอยู่..เอ้า!หายใจเข้าลึกๆ..อย่าตื่นเต้น..


6. คิดแต่เรื่องตลกขำๆ จะได้รอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติ คิดซะว่าหน้ากล้องเป็นหน้าแฟนจะได้รอยยิ้มที่หยาดเหยิ้มสุดๆ..กริ๊กกริ้วววว!


7. แอ่นอกแอ่นก้นด้วยเป็นดี..อันนี้เฉพาะสาวๆนะ หรือพวกผู้ชายอยากทำก็แล้วแต่..เราไม่ว่า! แต่เตรียมรับคำครหาว่าเป็น เ _ย์ ได้เลย


8. ส่วนที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเอาเข้ากล้องนะ เช่น เค้าต้องการถ่ายเฉพาะหน้าก็ไม่จำเป็นต้องพยายามเอาเท้าเอาขาขึ้นมาโชว์สองนิ้วหรอก!(บ้าชัดๆ)


9. เวลาถ่ายที่มืดให้มองเหนือกล้องนิดๆ ถ้าไม่อยากให้คนเขาหาว่า..น้ำที่บ้านไม่สะอาดถึงได้ตาแดงเช่นนี้..น่าอนิจจานัก(อายเค้า!)
ง่ายๆแค่เนี๊ย..รับรองรูปของเพื่อนๆจะไม่ต่างอะไรกับพอลล่าเลยแหละ...ของมันก็ต้องใช้เทคนิคอ่ะนะ ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจให้ปอเปียร์เป็นตากล้องให้ก็บอกได้เน้อ..รับรองบริการฟรีจ้า!

เคล็ดไม่ลับสำหรับชาวคอมพ์


สวัสดีค่ะ!..เพื่อนๆชาว blogspot ทุกคน ก่อนอื่นก็มารู้จักเชื่อเสียงเรียงนามกันก่อนนะจ๊ะ ชื่อ ปอเปียร์.. นันทวรรณ ฉันทกุล 4819335 รัฐศาสตร์ฯ มช. ปี 4 จ้า.. แหม!..แนะนำตัวอาจจะยาวไปหน่อยนะ..แต่ก็ดีแล้วหล่ะ จะได้รู้จักกันมากขึ้นไง จริงป่ะ!

เอาละ..วันนี้ปอเปียร์ก็มีประสบการณ์ดีๆเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์มาฝากเพื่อนๆทุกคนค่ะ ปอเปียร์รู้นะว่าเพื่อนทุกคนคงมีโน้ตบุกกันหมดทุกคนแล้วใช่มั๊ยล่ะ! แม้บางคนจะยังไม่มีนะ แต่ปอเปียร์ก็เชื่อว่า เราทุกคนล้วนแล้วแต่เคยใช้คอมพิวเตอร์มาแล้วทั้งนั้นและคงจะรู้ข้อดีข้อด้อยหรือเคยประสบปัญหาจากการใช้คอมพิวเตอร์กันมาบ้างแหละเน๊าะ! รวมทั้งตัวปอเปียร์เองก็เคยเหมือนกันจ้า..ก็อย่างที่รู้กันนะว่าชีวิตนักศึกษาอย่างเราๆ มักต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการหาข้อมูลบ้าง พิมพ์งานส่งอาจารย์บ้าง หรือ present งานบ้างเป็นธรรมดาอ่ะนะ แต่ปัญหาที่ปอเปียร์มักจะพบบ่อยๆมักจะเป็น การใช้โปรแกรมรวมทั้งเครื่องมือต่างๆในคอมพ์ไม่คล่องอ่ะ ทำให้งานเสร็จช้า บางทีคอมพ์ก็อืดไปดื้อๆซะงั้น ดังนั้นปอเปียร์จึงต้องหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง บางทีก็ถามเพื่อนบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะได้จากการอ่านหนังสืออ่ะนะ..

ปอเปียร์คิดว่าเพื่อนๆหลายคนคงเคยเจอปัญหาอย่างเดียวกัน ดังนั้นวันนี้ปอเปียร์จึงได้นำเทคนิควิธีการใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไปมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ..ถึงคนอื่นอาจมองว่าไร้สาระ แต่ก็..รู้ไว้ใช้ว่า..ใส่บ่าแบกหาม..จริงป่ะ!
มาดูกันเลยค่ะ.....

1. ถ้าเพื่อนๆอยากจะลบไฟล์หรือโฟลเดอร์แล้วไม่อยากให้ไปค้างในถังขยะ ก็ทำได้ง่ายๆโดยการกด Shift+Delete นะจ๊ะ >>อ่ะลองดู้...!

2. เวลาที่เรารีสตาร์ทเครื่องใหม่ให้กด Shift ค้างไว้ก่อนที่จะกด OK จะช่วยให้เรารีสตาร์ทได้เร็วขึ้น +++

3. เพื่อนๆเชื่อป่ะ?..ว่าเราไม่สามารถสร้างโฟลเดอร์ที่ชื่อ con ได้ >>ไม่เชื่อก็ลองดูซิ!

4. เวลาเราเข้าเว็บให้กด ctrl ค้างไว้และเลื่อน scroll ที่เมาส์จะทำอักษรของเว็บใหญ่และเล็กลงได้ แต่ถ้ากด Space Bar หน้าเว็บจะเลื่อนลง แต่ถ้า

5. อยากให้เลื่อนขึ้นให้กด Shift + Space Bar
ในหน้าเว็บถ้ากดปุ่ม F4 จะสามารถเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้ แค่เราคลิ้ก Address bar แล้วกดปุ่มCtrl + Enter จะช่วยให้เราพิมพ์URL ได้เร็วขึ้น >>นะจิ๊!

6. การกด F5ในNotepad จะเป็นการแทรกเวลา และปัจจุบัน ได้อย่างรวดเร็ว..ค่ะ!

7. ถ้าเพื่อนๆอยากดู System Properties อย่างรวดเร็ว ให้กด window+Pause Break ได้เลย!

8. ถ้าอยากหยุบทุกหน้าต่างของเว็บที่กำลังเปิดใช้อยู่ไปพร้อมกันหมดทีเดียว ให้กด window + D และถ้าอยากขยายยืนก็กดซ้ำอีกทีนึงนะ..

9. เวลาใส่แผ่นซีดีหรือดีวีดี ถ้าไม่อยากให้มันโหลด Autorun ขึ้นมา ให้เรากดShift ค้างไว้ตอนใส่แผ่นซีดี..(ง่ายๆแค่เนี้ย!)

เพื่อนๆค่ะ!..9 ความแปลกนี้ ปอเปียร์ลองมาหมดแล้วนะจะบอกให้..มันได้ผลดีมักๆๆ..ขอบอก เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น! มันสนุกนะกับการที่เราได้รู้อะไรใหม่ๆและได้ลองทำอ่ะ โอ้!.ยิ่งเวลาที่เราทำสำเร็จนะ ยิ่งสนุกไปกันใหญ่เชียวแหละ...ปอเปียร์หวังว่า 9 เคล็ดไม่ลับนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆทุกคนนะ เพื่อนๆคนไหนสนใจหรือสงสัยว่า..เอ๊ะ!..จะจริงรึเปล่า.?..ก็ลองทำดูได้จ๊ะ..รับรอง..เวิร์ค..เวิร์ค..เวิร์ค...เจ้าค้าาาา!...

บทความที่ 9 รถไฟฟ้าบีทีเอส ( BTS )


ปัจจุบันเราจะพบว่าการจราจรในกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของไทยจะเกิดปัญหารถติดเป็นจำนวนมากและทุกวันด้วย นู๋มีเพื่อนที่เรียนอยู่ในกรุงเทพฯ เคยถามเพื่อนว่าออกจากบ้านกี่โมงเวลาไปเรียน เพื่อนบอกว่าต้องรีบออกมาแต่เช้า เพราะถ้าออกมาสายรถจะติดมาก และจะทำให้เข้าเรียนไม่ทัน แต่ปัญหาของรถติดก็ยังคงมีต่อไป เมื่อมีขนส่งทางเลือกให้แล้วก็ยังติดอยู่เหมือนเดิม ขนส่งทางเลือกที่นู๋พูดถึงนั้นคือ รถไฟฟ้าบีทีเอสนั่นเอง นู๋ก็ได้มีโอกาสใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสนี้ตอนม.ปลายค่ะ ที่ได้ใช้บริการเพราะว่าต้องไปส่งเพื่อนไปพันทิพย์นั่นเองค่ะ นู๋มาเรียนพิเศษที่บางกะปิ แต่นั่งรถมาส่งเพื่อนที่อนุสาวรีย์ชัยฯเพื่อต่อรถไฟฟ้าไปพันทิพย์ ส่วนนู๋กะเพื่อนอีกคนก็นั่งรถไปหมอชิต
การใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสครั้งแรกของนู๋ก็ตื่นเต้นแล้ว เริ่มจากกาซื้อตั๋วทางตู้ซื้อตั๋วเลย นู๋ก็ทำไม่เป็นแต่ดีที่เพื่อนอีกคนทำเป็นเลยได้ตั๋วมา พอได้ตั๋วมาแล้วก็เดินไปรอรถบนชั้นสอง พอรถมานู๋ก็ได้ขึ้นรถไฟฟ้าสมใจแล้ว อิอิ ขึ้นไปก็ไม่ได้นั่ง ต้องจับเสากลางรถเอาไว้ รถก็วิ่งเร็วดี แต่นู๋เมื่อยมากกว่า เพราะยืนจับเสาทั้งทางเลย การใช้บริการรถไฟฟ้านี้ ช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศได้ด้วย เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสนี้ใช้ไฟฟ้า ไม่ได้ใช้เชื้อเพลิงเหมือนขนส่งอื่น ๆ ที่สำคัญรวดเร็วมาก นั่งจากอนุสาวรีย์ชัยฯไม่กี่นาทีก็ถึงหมอชิตแล้ว แต่ค่าบริการราคาแพงไปหน่อย ถ้าเทียบกับรถเมล์ทั่ว ๆ ไปแล้ว แต่ถ้าเทียบกับรถแท็กซี่แล้วถูกกว่ามาก แต่ที่สำคัญยังช่วยลดมลภาวะทางอากาศให้กับคนเมืองอีกด้วย ที่สำคัญไปกว่านั้น เรื่องความปลอดภัย เราจะพบว่ารถไฟฟ้าบีทีเอสไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเลยเท่าที่นู๋รู้มา ถ้าเป็นรถยนต์ทั่ว ๆ ไป ถ้าขับกันเร็ว ๆ ไม่ระมัดระวังก็เกิดอุบัติเหตุได้
ถึงแม้ว่านู๋จะเคยได้ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสมาก็จริงอยู่ แต่นู๋เคยใช้แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว เพราะว่านู๋มาเรียนที่เชียงใหม่ เลยไม่มีโอกาสได้ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสอีกเลย แต่พอนึกถึงทีไรก็อดที่จะประทับใจไม่ได้ ยังไงถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสเข้ากรุงทพฯก็หาโอกาสไปใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสกันดูบ้างนะคะ เผื่อจะได้สนุกกับการเดินทางไปอีกแบบ

บทความที่ 8 กล้องถ่ายภาพดิจิตอล Samsung S760


ในทุกวันนี้เราทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้เลย ว่าเทคโนโลยีมีอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ทั้งที่สัมผัสได้โดยตรงและโดยอ้อม คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าวิวัฒนาการของกล้องถ่ายภาพนั้นได้พัฒนาขึ้นมามากกว่าแต่ก่อน ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่ามีกล้องถ่ายภาพดิจิตอลรุ่นต่าง ๆ มากมาย นู๋ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบถ่ายภาพ ชอบถ่ายให้กับคนอื่นมากกว่า เมื่อก่อนที่ยังไม่ได้ซื้อกล้องถ่ายภาพมานั้น นู๋ก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่าย แต่ปัญหาของเจ้าโทรศัพท์มือถือของนู๋เนี่ยมันถ่ายไม่ค่อยชัดในเวลากลางคืน นู๋เลยตัดสินใจเก็บเงินซื้อกล้องมาจนได้

กล้องที่นู๋ซื้อมานั่นเป็นกล้องยี่ห้อ Samsung S760 ราคาที่ซื้อมาในตอนนั้นประมาณ 4,000 บาท ซึ่งเจ้ากล้องรุ่นนี้มีน้ำหนักเบา มีความละเอียด 7 ล้านพิกเซล สามารถซูมออฟติคอล 3 เท่า มีการโฟกัสเพื่อตรวจจับใบหน้าที่มีความแม่นยำสูง มีระบบป้องกันภาพสั่น ASR System และที่สำคัญมีหน้าจอ LCD แสดงผล 2.4 นิ้ว แต่ข้อเสียของมันที่นู๋ไม่ค่อยชอบ คือ กล้องรุ่นนี้ใช้ถ่านขนาด AA ซึ่งนู๋ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถึงมันจะสะดวกในการพกพาก็จริงอยู่ แต่นู๋ชอบแบบเป็นแบตเตอรรี่ ลิเที่ยม มากกว่า แต่ก็ไม่เป็นไรในเมื่อซื้อมาแล้วนิ ก็ใช้ไป ใช่ว่ามันจะไม่มีประโยชน์อะไร นู๋ได้มีโอกาสได้ใช้กล้องตัวนี้ตอนขึ้นดอย เป็นการใช้ครั้งแรกของการซื้อมา ซึ่งภาพที่ถ่ายมานั้นมีความคมชัดมาก พกพาสะดวก มีโหมดต่าง ๆ ให้ปรับเลือกได้ให้เหมาะกับการใช้งาน นอกจากนี้นู๋ยังได้ใช้ถ่ายภาพกิจกรรมของเมเจอร์ในเวลากลางคืนได้ด้วย ซึ่งกล้องรุ่นนี้มันถ่ายรูปในเวลากลางคืนได้ชัดมาก และที่สำคัญมันจะมีแฟลชขึ้นมาให้โดยอัตโนมัติเลย ซึ่งถูกใจมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีระบบการสั่นสะเทือนได้ด้วย คือนู๋มือจะสั่นเวลาตื่นเต้น แต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการถ่ายรูปแต่อย่างไร เพราะกล้องมันมีระบบกันสั่นสะเทือนอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาเรื่องภาพเบลอ เมื่อนู๋มีกล้องถ่ายภาพแล้วทำให้นู๋ไม่ต้องไปง้อโทรศัพท์มือถืออีกต่อไป และที่สำคัญจะได้ไม่ต้องไปยืมเพื่อน ๆ มาใช้อีกด้วย เพราะนู๋ไม่อยากทวงถามรูปจากเพื่อน ๆ บ่อย เกรงใจเค้า อิอิ

นอกจากนี้นู๋ยังใช้ถ่ายวิดิโอได้ด้วย นู๋มักจะใช้ถ่ายเพื่อน ๆ เวลาชอบทำอะไรเผลอ ๆ แล้วจะเอามาดูกัน ทำให้เกิดความบันเทิง บางครั้งก็ใช้ถ่ายวิดิโอในโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น ถ่ายวิดิโองานวันรับปริญญาพี่ ๆ ซึ่งกล้องนี้ก็ไม่ทำให้นู๋ผิดหวังเลยสักครั้งเดียว ถึงแม้ว่ามันจะราคาไม่แพง แต่คุณภาพเกินราคา กล้องรุ่นนี้มี 4 สี คือ สีดำ สีฟ้า สีชมพู สีเงิน แต่ที่นู๋ซื้อมานั่นเป็นสีดำ เพราะเป็นสีที่สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์เลยทีเดียว ที่สำคัญนู๋ชอบยี่ห้อ Samsung มาก ๆ เพราะของใช้แต่ละอย่างของยี่ห้อนี้จะทนมาก ๆ นู๋จึงเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพยี่ห้อ Samsung นั่นเอง ถ้าเพื่อน ๆ สนใจกล้องรุ่นนี้ก็สามารถหาชมกันได้ในทุก ๆ ห้างสรรพสินค้า หรือตามศูนย์ไอทีต่าง ๆ ได้เลยคะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

บทความที่ 7 โทรศัพท์มือถือ Nokia 3250


สวัสดีค่ะทุกท่านที่เข้าชมบล็อกของพวกเรานะคะ วันนี้อากาศดีนู๋เลยเข้ามาเขียนบทความลงบ็อกซะที เดี๋ยวจะตามไม่ทันพวกพี่ๆเค้า...นู๋ชื่อนู๋ตูน นางสาวปิยวรรณ วิไลพัฒน์ 491910199 เรื่องที่นู๋จะเขียนวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับของใช้ใกล้ตัวนู๋มากที่สุดเลยค่ะ นั่นก้อคือเจ้าโทรศัพท์ Nokia 3250 เครื่องนี้ล่ะคะ กว่าจะได้มานะคะแทบแย่...เพราะกว่าจะขอพ่อซื้อได้ต้องตัดสินใจอยู่นานเลยทีเดียว เครื่องนี้มีคุณสมบัติหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ สมกับราคาที่ซื้อมาจริงๆ คุณสมบัติของมันมีดังนี้ค่ะ

โทรศัพท์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้สามารถเปลี่ยนชุดปุ่มหมายเลขโทรศัพท์ไปเป็นชุดปุ่มควบคุมเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลได้สำหรับมือถือ Nokia 3250 จะมากับหน่วยความจำขนาด 1GB ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บเพลงได้มากถึง 750 เพลง และเล่นได้ต่อเนื่องนานถึง 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ Nokia 3250 ยังได้รับการติดตั้งกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดสูงถึง 2 ล้านพิกเซล และความสามารถของสมาร์ทโฟนครบถ้วน แถมยังสนับสนุนการใช้งานทั้ง 3 ระบบได้แก่ GSM 900/1800/1900 จุดเด่นของการใช้งาน Nokia 3250 นอกจากคุณสมบัติการทำงานข้างต้นแล้ว ผู้ใช้สามารถบิดชุดแป้นพิมพ์หมายเลขโทรศัพท์ได้ 180 องศา ซึ่งจะเป็นการสลับการทำงานระหว่างความเป็นโทรศัพท์มือถือกับเครื่องเล่นเพลงดิจิตอล เนื่องจากอีกด้านหนึ่งของมือถือที่พลิกขึ้นมาจะเป็นชุดปุ่มควบคุมการเล่นเพลงนั่นเอง ซึ่งความสามารถของการเป็นเครื่องเล่นเพลงดิจิตอลของ Nokia 3250 จะสนับสนุนฟอร์แมตต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น MP3, WMA, M4A และ AACผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดเพลงที่ชื่นชอบเข้ามือถือได้ทันที (ไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์) พร้อมทั้งกำหนดให้เพลงดังกล่าวเป็นเสียงของสายเรียกเข้า หรือริงโทนได้อีกด้วย

Nokia 3250 สนับสนุนการทำงานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำ microSD ที่ความจุขนาด 1GB พร้อมกันนี้ยังมีฟังก์ชันจูนเนอร์ FM ที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ Visual Radio Client บนมือถืออีกด้วย สำหรับซอฟต์แวร์ Nokia Audio Manager จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถแปลงเพลงบนแผ่นซีดีที่ชื่นชอบเข้าไปอยู่ในรูปของไฟล์เพลงดิจิตอลได้ทันที โดยสามารถลากและวางเพลงต่างๆ ที่ต้องการเข้าไปในมือถือได้โดยตรงจากคอมพิวเตอร์ ขณะนี้ทางบริษัทกำลังพัฒนาให้ Nokia 3250 สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์เครื่องเสียงจากบริษัทผู้ผลิตชั้นนำไม่ว่าจะเป็น Bose, Harman Kardon, JBL และ Sennheiser ElectronicNokia 3250 เป็นสมาร์ทโฟนซีรียส์ 60 ตัวแรกที่อยู่ในตระกูล Nokia XpressMusic ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับมือถือสำหรับเล่นเพลงดิจิตอล โดยมือถือแต่ละรุ่นที่อยู่ภายใต้แบรนด์นี้จะมีคุณสมบัติการทำงานหลักที่ช่วยสร้างประสบการณ์ดนตรีอันเยี่ยมยอดให้กับผู้ใช้ ซึ่งได้แก่ การมีชุดปุ่มควบคุมการเล่นเพลงแยกต่างหาก, การหยุด หรือเล่นต่อสำหรับเสียงเพลงที่เรียกเข้ามา และแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานต่อเนื่องได้ยาวนาน เป็นต้น

เห็นมั๊ยคะว่าโทรศัพท์รุ่นนี้อำนวยความสะดวกต่างๆให้กับเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฟังเพลง ถ่ายรูป ถ่ายวิดิโอ เล่นInternet โดยผ่านระบบ GPRS นอกจากนี้ยังช่วยให้เราสามารถบันทึกเสียงได้ถึง 1 นาที บันทึกวิดิโอได้นานถึง 1 ชั่วโมง นู๋ได้ใช้ประโยชน์จากเครื่องนี้มาตลอดเลยค่ะ และก็ไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ด้วยประโยชน์ของเจ้าเครื่องนี้นะคะ นู๋ได้รับรับประโยชน์จากมันโดยตรงเลยค่ะ เช่น เวลาเดินทางกลับบ้านที่ฉะเชิงเทรา ส่วนใหญ่นู๋จะเดินทางโดยรถทัวร์ ซึ่งเป็นการเดินทางจากเชียงใหม่ถึงฉะเชิงเทราเป็นเวลายาวนานมาก บางครั้งนู๋ก็หลับ พอตื่นขึ้นมาไม่มีอะไรทำก็หยิบโทรศัพท์มาฟังเพลงบ้าง เล่นเกมส์บ้าง เป็นต้น เป็นการสร้างความบันเทิงไม่ให้การเดินทางน่าเบื่อ หรือเวลาเรียนที่นู๋จดเลคเชอร์ไม่ทัน นู๋ก็จะนำโทรศัพท์มาอัดวิดิโอการบรรยายของอาจารย์ บางครั้งเวลามีงานที่เมเจอร์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่น่าประทับใจ นู๋ก็ใช้โทรศัพท์ถ่ายรูป ซึ่งเจ้าเครื่องนี้นะคะมีความละเอียดของกล้องตั้ง 2 ล้านพิกเซล ซึ่งจะให้ภาพที่คมชัดเหมือนใช้กล้องดิจิตอลถ่ายเลยทีเดียวค่ะ

นอกจากนี้ยังสามารถส่งข้อความเป็นภาพ เสียง ที่เรียกว่า MMS ได้อีกด้วยค่ะ นู๋ใช้ส่งรูปภาพไปให้เพื่อนในวันเกิดบ่อยๆค่ะ ใช้ส่งข้อความตัวอักษรเวลาที่ไม่สามารถคุยกันได้ เช่น ในเวลาประชุม เป็นต้น และยังสามารถส่ง e - mail ได้อีกด้วยนะคะ สะดวกมากๆเลย

โทรศัพท์รุ่นนี้นะคะ ตอนแรกที่นู๋ซื้อเมื่อสามปีก่อนอยู่ที่ราคา 13,600 บาท แต่ปัจจุบันนี้ราคาเหลือเพียง 5,xxx บาท เห็นมั๊ยคะว่าคุ้มค่าแค่ไหน ไม่ต้องไปเปลี่ยนโทรศัพท์บ่อยๆด้วย ตั้งแต่นู๋ซื้อมาได้เปลี่ยนแบตเตอรี่ไปแค่ก้อนเดียวเอง ทั้งคุ้มขนาดนี้และอำนวยความสะดวกในด้านความบันเทิงขนาดนี้นู๋ไม่เปลี่ยนไปใช้รุ่นอื่นแน่นอนค่ะ รุ่นนี้ปัจจุบันไม่ผลิตขายแล้วนะคะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจก็หาดูได้ตามร้านขายโทรศัพท์มือถือมือสองละกันนะคะ...

บทความที่ 6 : Monitor จอ LCD

บทความโดย นาย ตั้ม เสกสรรค์ มโนวงศ์ 4819328

ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้ จอ Monitor แบบ LCD จากเมื่อก่อนที่จอ CRT(จอคอมพิวเตอร์ธรรมดาลักษณะคล้ายโทรทัศน์)ของผมเสียไป เนื่องจากอายุการใช้งาน โดยการเปลี่ยนมาใช้จอ LCD ซึ่งปัจจุบันใช้ของ Samsung 19 นิ้ว Wide Screen ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างของการแสดงผลที่คมชัด อีกทั้งมีความสว่างมากกว่าเดิมสามารถทำงานในห้องที่แสงน้อยได้สบายๆ ทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกอีกด้วย


ประกอบกับการที่เป็น Wide Screen จึงเหมาะกับการดูภาพยนตร์มากกว่าทำงานทั่วไป เพราะอาจทำให้ภาพยืดได้ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผมเป็นคนที่ชอบอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน โดยจอ LCD จะเน้นการมองเห็นที่สบายตา ไม่เมื่อยล้าเนื่องจากอัตรา Refresh Rate และรังสีที่แผ่ออกมาเหมือนจอ CRT มุมมองของจอภาพแบบ LCD ดีกว่าและใช้งานเป็นเวลานานๆได้อย่างสบายและไม่เมื่อยล้าสายตา และจอ LCD ยังประหยัดพลังงานกว่าจอ CRT อีกด้วย


แม้จอ LCD จะมีสีสันไม่สดใสเหมือนจอ CRT และการแสดงผลภาพถูกจำกัดขนาดการแสดงผลไว้ ก็ตาม แต่ข้อดีของมันก็มีเยอะกว่ามาก ทั้งภาพลักษณ์ที่แสดงถึงรสนิยมในการใช้ ความทันสมัย ความสะดวกในการเคลื่อนย้าย การประหยัดเนื้อที่ ประหยัดพลังงาน รวมทั้งการถนอมสายตา ปัจจุบันข้อจำกัดเรื่องการแสดงผลถูกพัฒนาให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีการแข่งขันของผู้ผลิตที่สูงขึ้น ทำให้ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นไปอีกเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคโลกาภิวัฒน์

บทความที่ 5 : Internet Wi-Fi หรือ Wireless

บทความโดย นาย ตั้ม เสกสรรค์ มโนวงศ์ 4819328






เราคงคุ้นเคยกับอินเตอร์เน็ตโดยผ่านการเชื่อมต่อทาง Modem อย่างอินเตอร์เน็ต 56 Kbps ตามบ้าน ซึ่งปัจจุบันไม่เป็นที่นิยมแล้วเพราะมีอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงในลักษณะ ADSL เข้ามาแทนที่ โดยมีความเร็วตั้งแต่ 128 Kbps ไปถึง 2-4 Mbps แล้วก็ตาม โดยเป็นการเชื่อมต่อผ่าน Router


และก็มีอีกประเภทหนึ่งที่ผมได้เห็นถึงความนิยมในปัจจุบัน และมีบทบาทมาก ก็คือ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi ที่ความเร็วเท่าๆกับ แบบ ADSL เพียงแต่เป็นเครือข่ายที่ไม่ใช้สายในการเชื่อต่อ โดยจะมีเครื่องส่งสัญญาณภายในบริเวณที่กำหนดสามารถใช้บริการได้ โดยเราก็จะต้องมีตัวรับสัญญาณเพื่อเข้าไปใช้บริการด้วยเช่นกัน ผมมักจะใช้ Computer Notebook ในการใช้อินเตอร์เน็ต Wi-Fi เพราะมีอุปกรณ์ติดตั้งอยู่ภายใน อีกทั้งยังพกพาได้สะดวกสามารถพกพาไปทำงานได้ทุกที่ ทั้งการนำเสนองาน หรือ ใช้รับข้อมูลข่าวสารต่างๆ



โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Wi-Fi ในปัจจุบันมักติดตั้งทั่วไปในสถานที่สำคัญๆต่างๆเช่น สถานที่ราชการ มหาวิทยาลัย บริษัทต่างๆ หรือ ร้านกาแฟ ซึ่งคอบสนองวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ ที่ต้องการรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็วและทุกเวลา ส่วนหนึ่งที่ผมชอบไปนั่งร้านกาแฟเนื่องจากมีบริการ Wi-Fi ให้ใช้ฟรี และยังสะดวกสบายกว่าไปนั่งแออัดตามร้านอินเตอร์เน็ต ทั้งยังตอบสนองความทันสมัยให้กับตนเองอีกด้วย

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

บทความที่ 4 : Flash Drive


บทความโดย นาย ตั้ม เสกสรรค์ มโนวงศ์ 4819328

ย้อนไปเมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว Flash Drive เสมือนเป็นของเล่นไอทีชิ้นใหม่ ที่สามารถจุข้อมูลได้มากกว่าแผ่น Floppy Disk ที่มีความจุเพียง 1.44 Mb เท่านั้น ในขณะที่ Flash Drive ออกมามีความจุตั้งแต่ 128 Mb ขึ้นไป ซึ่งในเวลานั้นราคาอยู่ที่ราวๆ พันกว่าบาท ต่อมาก็เริ่มมีความจุสูงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่าง 256 Mb ในตอนนั้นที่ผมซื้อมาในราคา 1300 บาท ผ่านมาถึงปัจจุบัน เราสามารถหาซื้อความจุ 1 Gb ได้ในราคาเพียง 300 บาท ซึ่งราคานั้นก็จะแตกต่างกันไป ตามยี่ห้อหรือรุ่น เพราะต่างยี่ห้อและรุ่น ก็จะมีจุดต่างที่ความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูล

อย่างที่ผมซื้อมาก็เป็นยี่ห้อ Kingston ขนาด 256 Mb สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้ไวกว่า ยี่ห้อแบบ Noname ขนาด 1 Gb เสียอีก เพราะคุณสมบัติที่ต่างกัน ถึงความจุจะมากแต่อัตราความเร็วอาจน้อย หรือบางรุ่นบางยี่ห้อก็มักจะทำรวมกับเครื่องเล่น MP3 ขนาดเล็ก ทำให้การส่งผ่านข้อมูลทำได้ช้า อีกทั้งใช้ไปเป็นเวลานานๆ อุปกรณ์ผสมเหล่านี้มักจะสูญเสียคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งไป เช่น อาจฟังเพลงในส่วน MP3 ไม่ได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังเก็บไว้ แต่ยังสามารถใช้เป็น Flash Drive จุข้อมูลได้อยู่ ซึ่งเราต้องควรใช้อย่างระมัดระวัง เมื่อใช้เสร็จแล้วก็ควรที่จะทำการ Safety Remove ก่อนทุกครั้ง(คลิกมุมขวาล่างของหน้า Desktop) เพื่อไม่ให้ข้อมูลเกิดการเสียหาย เพราะค่าซ่อมในปัจจุบันไม่คุ้มกับราคาอุปกรณ์ที่จะซื้อใหม่เลยด้วยซ้ำ เพราะราคาตกลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแข่งขัน และการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตามผมคิดว่า Flash Drive สามารถตอบสนองการเก็บข้อมูล และใช้งานได้สะดวกมากกว่า การเก็บข้อมูลแบบเก่าๆ อย่าง CD-ROM เพราะเราสามารถนำไปเสียบผ่านช่อง USB port แล้ว Plug and Play ได้เลย ซึ่งผมใช้อยู่ทุกวันในการเก็บข้อมูล การเสนอรายงาน ต่างๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนทุกกลุ่ม เพิ่มเติมนิดหน่อยเรื่องไวรัส Autorun ทั้งหลายที่มักจะติดบน Flash Drive ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วย โปรแกรม Scan ไวรัส Autorun ต่างๆ อย่าง CPE17 Autorun Killer หรือเข้าไปปิดการ Autorun ใน Windows ก็ได้ ดังนี้
1. คลิ๊ก start เลือก run
2. พิมพ์ gpedit.msc
3. จะปรากฎหน้าต่าง group policy
4. ที่ user configuration ให้คลิ๊กที่ Administrative Templates ดับเบิ้ลคลิ๊กที่ system (จะอยู่ด้านขวาครับ)
5. ดูที่ด้านขวา ให้ดับเบิ้ลคลิ๊กข้อความ Turn Off Autoplay
6. เลือก Enabled
7. ที่ Turn Off Autoplay on : ให้เลือก All drives
8. กด Apply และ OK เป็นอันเสร็จพิธีครับ (ข้อแม้ในการทำ ต้องทำใน User Admin เท่านั้นนะครับ)

บทความที่ 3 : MP 3 (Creative MuVo 100)

บทความที่ 3 : MP 3 (Creative MuVo 100)
ในโลกยุคปัจจุบันไม่มีใครที่จะสามารถปฏิเสธที่จะไม่ใช้เทคโนโลยี เพราะนับวันๆเทคโนโลยีมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และเป็นที่ทราบกันดีว่าเทคโนโลยีได้สร้างความสะดวกสบายให้กับมนุษย์ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยมากเช่นปัจจุบัน การดำเนินชีวิตของมนุษย์เป็นไปอย่างยากลำบาก แต่โลกของเราไม่ได้หยุดนิ่ง มีเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นพลวัตร (Dynamics) มนุษย์มีสมอง มีความคิด–ความอ่านที่น่าอัศจรรย์ รวมไปถึงมีจินตนาการเพื่อที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายบนโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่ไม่จำกัด...
แฮ่ม...แฮ่ม เกริ่นนำอย่างเป็นทางการเชียวเรา อย่าเพิ่งเครียดและ ซีเรียสไปก่อนนะคะ น้ำส้มก็แค่อยากให้ทุกคนได้ทราบถึงประโยชน์และความสำคัญของเทคโนโลยีก็เท่านั้น สำหรับบทความอันที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นบทความชิ้นสุดท้ายที่จะเขียนลง weblog น้ำส้มยังคงจะพูดถึงประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีเหมือนเดิมคะ แต่บทความนี้จะเป็นประโยชน์ของเครื่อง MP3 นะคะ
สำหรับเครื่อง MP3 ที่น้ำส้มใช้อยู่ตอนนี้ คือ MP3 ยี่ห้อ Creative MuVo 100 ซื้อช่วงเปิดเทอมของการเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 เหตุผลที่ตัดสินใจซื้อเพราะเห็นว่าสามารถอัดเสียงได้นานถึง 60 ชั่วโมง (รูปร่างเล็กกะทัดรัด สีขาว มีหูฟังเป็นอุปกรณ์เสริม ใช้ถ่ายขนาด 3A เพียงก้อนเดียว) และเทอมนี้น้ำส้มมีเรียน 4 ตัว (เรียนน้อยที่สุดเท่าที่เคยเรียนมาเลยล่ะคะ) แต่ต้องเจออาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เก่ง มีความรู้ และที่สำคัญพูดเร็วอีกต่างหาก และด้วยความที่เป็นคนจดเลกเซอร์ไม่เก่งและไม่ทัน 555++ (ขอแอบกระซิบหน่อยเถอะคะมีวิชาหนึ่งอาจารย์พูดเร็วมากกกกก..) น้ำส้มก็เลยตัดสินใจซื้อเพื่ออัดเสียงอาจารย์ เจ้าเครื่องนี้มีประโยชน์มาก สามารถอัดเสียงอาจารย์แล้วนำมาฟังหลังเลิกเรียนได้ แกะคำพูดของอาจารย์และทำความเข้าใจอีกรอบเหมือนว่าเป็นการทบทวนอีกครั้งไปในตัว ^_^
เจ้าเครื่องนี้ยังสามารถเก็บข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย มีประโยชน์คล้ายกับ flash drive ทั่วไป เก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก สามารถเก็บรูปภาพ สามารถเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ง่าย นอกจากนี้สามารถใส่เพลงได้มากกว่า 50 เพลง จะเห็นว่าไม่ใช่แค่จะมีประโยชน์ทางด้านวิชาการเพียงเท่านั้น ในแง่ของความบันเทิงก็ยังมี เพราะสามารถช่วยให้เกิดความเพลิดเพลินและผ่อนคลายหลังจากการเครียดจากการเรียนหรือทำงาน หรือแม้แต่เวลานอน ถ้าวันไหนน้ำส้มนอนไม่หลับ ก็ใช้เจ้าเครื่องนี้นี่แหละช่วยให้หลับอย่างสบาย จนบางทีทุกคืนก่อนนอนต้องหาเพลงฟังจนเคยตัวไปแล้วล่ะคะ


สำหรับการเขียนบทความเกี่ยวกับประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยี
น้ำส้มได้เขียนครบทั้งสามบทความแล้ว ได้แก่...
บทความที่ 1 ประโยชน์จากการใช้ iPod
บทความที่ 2 ประโยชน์จากการใช้ Subway
บทความที่ 3 ประโยชน์จากการใช้ MP3
ต่อไปจะเป็นบทความของเพื่อนๆในกลุ่ม พวกเขาจะเป็นผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดประสบการณ์จากการใช้เทคโนโลยี บทความแต่ละคนจะน่าสนแค่ไหน? เทคโนโลยีอะไรที่พวกเขาจะนำเสนอ? อย่าลืมติดตามนะคะ...
ขอบคุณคะ

บทความที่ 2 : รถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway)

บทความที่ 2 : รถไฟฟ้าใต้ดิน
สำหรับบทความที่2นี้ ขอนำเสนอประโยชน์ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินคะ รถไฟฟ้าใต้ดินนั้นเป็นที่ทราบกันดีกว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ เพราะเรื่องรถติดเป็นปัญหาใหญ่(big problem) การที่มีโครงการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินขึ้นมา น้ำส้มเห็นว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้รถบนท้องถนนในกทม.ลดลงไปได้บ้าง(นิดหน่อย)น้ำส้มเป็นคนกรุงเทพฯ คะเลยได้มีโอกาสใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินบ่อยครั้ง ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินมีเยอะมากคะ ขอตั้งชื่อเล่นๆว่า "ประโยชน์สี่ช่วย" ล่ะกันนะคะ
1. ช่วยประหยัดน้ำมัน
เป็นที่ทราบกันดีกว่ายุคสมัยนี้ น้ำมันแพงหูฉี่!! ราคามันมันขึ้นเอาๆ จากที่เมื่อก่อนไม่ถึง 10 บาทต่อลิตร ดูซิคะ ตอนนี้มันถึงไหนแล้ว เกือบจะ 50 บาทไปแล้วเนี่ย... ด้วยเหตุนี้น้ำส้มมักจะใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินบ่อยกว่าใช้รถยนต์ส่วนตัวคะ อีกอย่างถึงแม้ว่าจะเป็นคนกรุงมาตั้งแต่กำเนิด ก็ใช่ว่าจะรู้จักเส้นทางทั่วกรุงเทพฯหลงกทม.ยังมีเลยคะ 555++ จะไปไหนดีต้องถามคนนู้นทีคนนี้ที เมื่อมีรถไฟฟ้าใต้ดินมาบริการแล้วก็สะดวกมากขึ้นคะ
2. ช่วยประหยัดเวลาการเดินทาง แน่นอนคะ ไม่ใช่แค่สะดวกในการเดินทางอย่างเดียว เรื่องความรวดเร็วต้องยกนิ้วให้เลยถ้าเทียบกับการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ต้องเสียเวลาติดไฟแดงตามท้องถนน แค่ทำตัวเป็นขอมดำดินโดยการใช้บริการเจ้ารถไฟฟ้าใต้ดินง่ายกว่าเยอะคะ
3. ช่วยประหยัดเงิน (ได้บ้าง) น้ำส้มเคยนั่งคำนวณค่าใช้จ่ายระหว่างการเสียค่าเติมน้ำมันรถยนต์ส่วนตัวกับการเสียค่าบริการรายเดือนในการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน สรุปว่าค่าใช้จ่ายพอๆกันเลยคะ อาจจะแพงกว่านิดหน่อย แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ถ้าตัดสินใจจอดรถไว้ที่บ้านแล้วหันมานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินก็ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร ก็อย่างที่บอกล่ะคะ ข้อดีมันมีมากกว่าข้อเสียซะอีก
4. ช่วยลดมลพิษบนท้องถนน ข้อนี้สำคัญสำหรับคนกรุงเลยทีเดียว เพราะว่าการที่รถยนต์บนท้องถนนทั่วกรุงเทพฯปล่อยควันพิษเป็นจำนวนมากทำให้สุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนกรุงเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ การมีรถไฟฟ้าใต้ดินก็ถือว่าเป็นทางเลือก(AlternativeChoice)ที่ดีให้กับคนกรุงอีกทางคะ เพราะการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นการหลีกเลี่ยงฝุ่นและควันมลพิษจากท้องถนนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราด้วยคะ
นอกจานี้ ยังมีบริการโทรทัศน์ให้ผู้ใช้บริการได้ดูด้วยคะ แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นโฆษณาสินค้า แบรนต่างๆให้ผู้ใช้บริการได้ติดสินใจว่าควรจะเลือกอุปโภคบริโภคสิ่งไหน? ถือเป็นเทคนิคการตลาดอย่างหนึ่งของผู้ประกอบการในโลกยุคโลกาภิวัตน์อย่างแท้จริง เพราะว่าเมื่อขึ้นชื่อว่าเราได้เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์อย่างเต็มตัวแล้ว อุปสรรคเรื่องพื้นที่และเวลา (Time&Space) ก็ไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป
เห็นไหมคะ ข้อดีของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินช่วยให้เราประหยัดได้มากเลยล่ะ สำหรับน้ำส้ม จะใช้บริการบ่อยก็ช่วงมีงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ ซึ่งงานนี้จะมีปีละ 2 ครั้ง ถ้าจำไม่ผิดจะมีช่วงต้นปีและจะมีอีกทีก็ช่วงปลายปีคะ ส่วนมากน้ำส้มจะมีโอกาสไปเที่ยวงานหนังสือช่วงปลายปีคะ การเดินทางโดยรถไฟฟ้าใต้ดินของน้ำส้ม จะเริ่มจากสถานีหัวลำโพง เพราะเป็นสถานีที่อยู่ใกล้บ้านที่สุดแล้ว ซึ่งราคาจากสถานีหัวลำโพงถึงจุดหมายปลายทางคือศูนย์ประชุมสิริกิตติ์ก็ถือว่าไม่แพงเลยคะ ไม่เกิน 25 บาท (ไม่รู้ว่าขึ้นยังนะคะ) คือว่าไม่แพง นั่งไม่ถึง 20 นาทีคะ ก็ถึงศูนย์ประชุมสิริกิตติ์
เห็นไหมล่ะ... ง่าย สะดวก และปลอดภัย 4 in 1 เลยใช่ไหมคะ!!

บทความที่ 1 : iPod Silver NANO (2KB)

t

บทความที่ 1 : iPod Silver NANO(2KB)

ก่อนอื่นเลยนะคะ ขอแนะนำตัวให้อาจารย์และเพื่อนๆได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามก่อนดีกว่า...
ชื่อ น.ส.กมลรัตน์ ระวังงาน ชื่อเล่น น้ำส้ม
รหัสนักศึกษา 4819333 ^_^
เอาล่ะคะ...มาเป็นงานเป็นการกันดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา และเปลืองเนื้อทีblog 555++ เนื่องจากอาจารย์ราม โชติคุต อาจารย์ประจำวิชา IT in Political Science (127427) มอบหมายงานให้นักศึกษาในคลาสจับกลุ่มเพื่อเขียน Blogแต่ละกลุ่มจะต้องมีสมาชิกไม่เกิน 5คน ทำงานร่วมกันโดยการสร้างและเขียน Weblog ใน website ของwww.blogger.com นักศึกษาแต่ละคนจะต้องเขียนบทความคนละ3ซึ่งบทความต้องเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเองในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ในบทความชิ้นแรกของดิฉันจะพูดถึงประโยชน์ของ iPoD Silver NANO(2KB) ให้ได้ทราบกันนะคะ ^_^ ก่อนที่จะบอกถึงประโยชน์ของเจ้า iPoD ขอเท้าความก่อนนะคะว่าไปได้เจ้าเครื่องนี้ได้ยังไง ? น้ำส้มได้เจ้าiPodเครื่องนี้ จากการส่ง SMS ไปร่วมสนุกกับคลื่นวิทยุรายการหนึ่ง จริงๆแล้วไม่ได้คิดว่าอยากจะได้หรอกนะคะ แค่ลองส่งเล่นๆเท่านั้นเอง แต่ส้มหล่น+โชคเข้าข้างคะ ^o^ เลยได้มา ความจริงแล้วแค่อยากร่วมสนุกกับคลื่นวิทยุที่ฟังเป็นประจำเท่านั้นเองคะ และที่สำคัญอยากคุยกับพี่ๆดีเจ ไม่คิดว่ายิงปืนนัดเดียว ได้นกตั้ง2 ตัว อิอิ ได้ทั้งเจ้าเครื่อง iPod และก็ได้คุยกับพี่ดีเจด้วย เอาล่ะพอรู้ว่าได้เจ้าเครื่องนี้แน่นอนแล้ว แต่มันก็มีปัญหาอยู่ที่ว่า แล้วจะไปเอาเจ้า iPod เนี่ยได้ยังไงล่ะ ตัวเองก็อยู่เชียงใหม่ จะให้ลงไปกทม.เพื่อไปเอาไอพอตอย่างเดียวน่ะหรอ? ไม่คุ้มล่ะมั้ง!! ก็เลยต้องให้คุณแม่ไปเอาให้ ปัญหาแรกจบไปแต่ปัญหาที่สองยังมีคะ เป็นปัญหาใหญ่ซะด้วยซิ คือว่า ออกจะเป็นคน Low Technology ซะด้วย เรื่องของเรื่อง เล่นไม่เป็นคะ 555++ แต่ทุกปัญหามีไว้แก้ไขเสมอไม่ใช่หรอคะ ไม่เห็นจะยากตรงไหน แค่เข้าไป Search หาในกลูเกิ้ล แค่นี้ก็เรียบร้อยคะ เพราะเดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตทำให้เราสามารถบริโภคข่าวสาร เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่างๆได้มากมาย น้ำส้มก็เลยได้เรียนรู้วิธีการใช้งานของ iPod อย่างละเอียดเลยทีเดียว เจ้าiPodเครื่องนี้มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา กะทัดรัด มีความจุ 2GB ทำให้สะดวกในการใช้งานไม่ว่าจะเดินทางไปไหน นานเท่าไร พกพาไปได้ทุกที่ เครื่องนี้สามารถฟังเพลงได้นานถึง 9 ชั่วโมง ถ้าใครนึกไม่ออกว่ามันนานแค่ไหน ลองหลับตานึกถึงระยะทางจากเชียงใหม่ – กรุงเทพฯ อ่อ...เครื่องนี้สามารถบรรจุเพลงได้มากถึง 500 เพลง ฟังกันแบบ none-stop จุใจไปเลย และยังสามารถเปลี่ยนแนวเพลงที่ชอบฟังได้ด้วย หากเป็นคนชอบฟังเพลงแนวpop น่ารักๆ แต่เพลงที่ฟังอยู่เนี่ยเป็นแนว HipHop สามารถเปลี่ยนให้เป็นแนวเพลงที่ชอบฟังได้คะ สำหรับน้ำส้ม ส่วนตัวจะชอบฟังแนวประมาณ Pop / R&B ก็เลยตั้งค่าแนวเพลงในสไตล์ที่ตัวเองชอบคะ นอกจากจะสร้างความเอ็นเตอร์เทนแล้ว เจ้าเครื่องนี้ยังช่วยเก็บข้อมูลได้เยอะมาก โดยเชื่อมต่อและโอนถ่ายข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB Port แทนเครื่องflash Diveหรือ mp3 นอกจากนี้ยังสามารถดูภาพถ่ายและเล่นภาพสีได้แบบสไลด์โชว์ อีกด้วย ไม่แค่นั่นนะ...ยังสามารถดูเวลาของประเทศต่างๆได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นประเทศในทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกาฯลฯ ขณะนี้เป็นเวลากี่โมง สามารถเปรียบเทียบเวลาของประเทศต่างๆได้ด้วย สำหรับนำส้มสาเหตุที่ต้องดูเวลาของประเทศต่างๆ ก็เพราะว่าลูกพี่ลูกน้องเรียนปริญญาโทที่ลอนดอน และเพื่อนก็เรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา บางทีมีความจำเป็นต้องติดต่อพูดคุยทางโทรศัพท์หรือออนไลน์ MSN Messenger ก็จะได้ทราบเวลาที่โน่น เป็นการพูดคุยกันโดยที่ทราบวันและเวลาจริง (Real Time) เพื่อการสื่อสารสนทนาระหว่างกันจะได้เป็นไปอย่างสะดวกคะ
สุดท้าย...และท้ายสุด การที่ได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ของAppleแค่เพียงชิ้นเดียวก็รู้สึกดีแล้วล่ะคะ เพราะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของMACซึ่งต่างได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ และยิ่งรู้ว่าเป็นแบรนAppleของคุณ สตีฟ จ๊อบ ก็ยิ่งปลื้มเข้าไปอีก เพราะจากการที่ได้เรียนวิชา IT in Political Science ทำให้น้ำส้มเห็นถึงความพยายามตั้งบริษัทApple ของสตีฟ จ๊อบ และเขาก็ยังเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางการงาน ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่จะคิดลงทุนไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย หรือขนาดใหญ่ การที่คุณสตีฟ จ๊อบ สามารถประสบความสำเร็จทั้งทางด้านหน้าที่การงานและการเงิน รวมไปถึงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคมทั้งในและนอกประเทศอย่างน่าอัศจรรย์ น้ำส้มเห็นว่าเพราะเขารักในสิ่งที่เขาทำ...และทำในสิ่งที่เขารัก